ปัจจุบันสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่งผลให้องค์กรเครือข่ายต่างๆ พัฒนาไปอย่างสุดขีดความสามารถ การพัฒนาประเทศในปัจจุบัน อยู่ในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในลักษณะของการแปลงยุทธศาสตร์ระยะยาวสู่การปฏิบัติในช่วง 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเตรียมความพร้อมทรัพยากรมนุษย์ สังคม และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีการพัฒนาเป็นไปอย่างมีทิศทางและเกิดประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สุขที่ยั่งยืนของสังคมไทย
การบริหารกิจการพระพุทธศาสนา เป็นอีกกิจการหนึ่งที่จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยภายในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในปัจจุบัน มีการปฏิรูปกิจการต่างๆ ของประเทศไทย การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาถือเป็นวาระแห่งชาติ เพราะได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ที่กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำการศึกษาวิเคราะห์ และจัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปด้านต่างๆ เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการนี้มหาเถรสมาคม องค์กรปกครองสูงสุดของคุณสงฆ์ไทย ได้มีคำสั่งที่ 2/2559 แต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ของมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 25 เมษายน 2559 จากนั้น คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ได้มีการประชุมจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ตามภารกิจกรอบงานคณะสงฆ์ 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านปกครอง 2) ด้านศาสนศึกษา 3) ด้านศึกษาสงเคราะห์ 4) ด้านเผยแผ่ 5) ด้านสาธารณูปการ 6) ด้านสาธารณสงเคราะห์ โดยฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ มหาเถรสมาคม มีพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมคณะกรรมการอีก 15 รูป/คน เพื่อขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนาด้านสาธารณสงเคราะห์ และเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2560 ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้พิจารณา มีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา และให้ดำเนินการได้ทันที
เป้าหมายการเติบโตของพระพุทธศาสนาสู่ความยั่งยืน
ด้านการปกครอง การบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ด้านศาสนศึกษา การจัดและการส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม
ด้านการเผยแผ่ การสื่อพุทธธรรมสู่สังคมให้เกิดสันติสุข
ด้านศึกษาสงเคราะห์ สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา สงเคราะห์แก่คฤหัสถ์
ด้านสาธารณูปการ การบริหารจัดการศาสนสมบัติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ด้านสาธารณสงเคราะห์ การอนุเคราะห์และสงเคราะห์ประโยชน์ส่วนรวม
ด้านพัฒนาพุทธมลฑล การพัฒนาพุทธมลฑลสู่ศูนย์กลางการบริหารกิจการพระพุทธศาสนา
การสาธารณสงเคราะห์ หมายถึง การดำเนินกิจการต่างๆ ที่ช่วยเหลือและพัฒนาสังคมทั้งด้านกายภาพและทางด้านจิตใจ เป็นเครื่องมือขององค์กรทางพุทธศาสนาที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงที่สามารถขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้าต่อไปได้
การสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน หมายถึง การยกระดับการดำเนินงานสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ เกิดประสิทธิภาพจากการดำเนินงาน และมีประสิทธิผลต่อสังคมในภาพรวม
การจัดการสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมของคณะสงฆ์ไทยเพื่อความยั่งยืน คณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม ได้กำหนดกรอบในการดำเนินการ จำนวน 4 ด้าน ดังนี้
พระสงฆ์กับงานการสงเคราะห์เป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดังพระพุทธพจน์ว่า "จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พชนสุขาย โลกานุกมปาย" แปลว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่คนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก"
ในสถานการณ์ปัจจุบัน สถานการณ์โลกมีความเปลี่ยนแปลงมีสาธารณภัยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การดำเนินงานด้านสาธารณสงเคราะห์จึงเป็นกรณีกิจหนึ่งของคณะสงฆ์ที่จะให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือแก่ชุมชนและสังคม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีเอกภาพ คณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม จึงได้จัดทำคู่มือเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติให้กับคณะสงฆ์ไทย
ติดต่อสอบถาม
สำนักงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคมวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร 2
ถนน สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร : 02-222-7831
อีเมล : [email protected]